กรณีที่พนักงานได้มาสมัครงาน เพื่อที่จะมาเป็นพนักงานของบริษัท โดยส่วนใหญ่แทบทุกองค์กร จะให้พนักงานได้ไปทำการตรวจสุขภาพก่อนเข้าปฏิบัติงาน ตาม list ที่บริษัทได้กำหนดไว้ จากที่ผู้เขียนได้เข้าไปเป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัท หลายๆ บริษัท มักจะมีประเด็นนี้ ขึ้นมาสอบถามบ่อยครั้งมาก ว่ากรณีที่พนักงานมาตรวจร่างกายที่บริษัทได้ ให้ไปตรวจก่อนเข้าปฏิบัติงาน ใครเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายกันแน่ ซึ่งฝ่ายลูกจ้างก็แน่นอนครับ ก็มองว่า ควรจะเป็นฝ่ายของบริษัทที่จะเป็นออกค่าใช้จ่าย เพราะเป็นผู้ได้รับประโยชน์ในการรับพนักงานเข้ามาปฏิบัติหน้าที่
การเปิดตัวโครงการพัฒนาสมรรถนะ (Competency Kick-off) เริ่มด้วยขั้นตอนการเปิดตัวโครงการพัฒนาสมรรถนะ ซึ่งเป็นขั้นตอนแรกที่มีความสำคัญ มาก โดยองค์กรควรเชิญทีมงานที่ปรึกษาหรือวิทยากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับสมรรถนะ มาเป็นวิทยากรเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับแนวคิดของสมรรถนะและแผนการดำเนินงาน ของโครงการ แก่ผู้บริหารระดับต้น – สูง วัตถุประสงค์ของขั้นตอนนี้ก็เพื่อให้ผู้บริหารทุกระดับ ทุกคนมี ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับระบบสมรรถนะความสำคัญ และประโยชน์ รวมทั้งแผนการดำเนินงานของโครงการ และคาดหวังว่าผู้บริหารทุกท่านจะไปถ่ายทอดความรู้ต่อให้กับผู้ใต้บังคับบัญชารับทราบ สามารถตอบคำถามหรือข้อสงสัยในเบื้องต้นได้ รวมทั้งสามารถให้ความเห็น/ข้อเสนอแนะในการ
กรอบแนวคิดเกี่ยวกับ Competency (Competency Frameworks) การสร้าง Competency Model มักเริ่มต้นจากการนำวิสัยทัศน์และหรือพันธะกิจ หรือค่านิยมหลัก ขององค์กร จะใช้ตัวใดตัวหนึ่งหรือทั้งหมดร่วมกันก็ได้ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ มาเป็นตัวตั้งในการกำหนด Competency โดยมีกระบวนการดังภาพ ตารางแนวคิดทั่วไปในการสร้าง Competency Model Core
หน่วยงาน HR นอกจากที่จะช่วยดูแลรักษาพนักงานภายในองค์กรทั้งหมดแล้ว ยังต้องช่วยหน่วยงานด้าน Line ในการพัฒนาพนักงาน เพื่อเพิ่มศักยภาพ ในการปฏิบัติงาน และยังต้องวางแผนให้พนักงานให้เติบโตในสายอาชีพ ซึ่งการวางแผนในลักษณะนี้เช่นนี้ จะมีส่วนช่วยให้รักษาพนักงานให้อยู่ภายในองค์กรอีกด้วย เพราะว่าพนักงานได้พิจารณาถึงอนาคตของตนเองว่า ถ้าเขาตัดสินใจ อยู่ภายในองค์กรแห่งนี้ เขามีโอกาสเติบโตขึ้นสู่ตำแหน่งได้หรือไม่ ซึ่งถ้าลาออกไปอยู่องค์กรอื่น ก็ต้องนับอายุใหม่ เสริมสร้างความรู้นับหนึ่งไป ฉะนั้นการวางแผนพัฒนาศักยภาพพนักงาน ก็จะช่วยให้มีส่วนทำให้พนักงานได้ตัดสินใจอยู่องค์กรอย่างไร
บทบาทของหน่วยงาน HR ต้องมีการปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ จากเมื่อยุคก่อน หน่วยงาน HR จะทำตัวเหมือนกับตำรวจค่อนตรวจตราว่าพนักงานมีการกระทำความผิด กฎเกณฑ์ของบริษัทหรือไม่ ซึ่งเมื่อยุคสมัยก่อน นายจ้างมาฝากความหวังไว้ที่หน่วยงาน HR เพื่อช่วยตรวจสอบความผิดปกติของพนักงาน ก็อาจจะเป็นช่วงในเวลาดังกล่าว งานที่ทำค่อนข้างหายาก ลูกจ้างอยากได้งานทำที่มีเงินเดือน จึงค่อนข้างเป็นส่วนหนึ่งที่นายจ้างมีข้อต่อรองที่สูงกว่า จึงสามารถใช้วิธีดังกล่าวได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เข้าสู่ยุคอุตสาหกรรมเฟื่องฟู มีบริษัทเกิดขึ้นมากมาย
การใช้ระบบเทคโนโลยีสมัยใหม่ในการบริหารคน จากที่กระบวนการทำงานของทางด้าน HR ได้มีการเปลี่ยนแปลงไป โดยส่วนใหญ่ จะมีการนำระบบเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในกระบวนการงาน HR เกือบทั้งนั้น สิ่งที่งานด้าน Line อยากให้หน่วยงาน HR เข้ามาช่วยเหลืองานให้มากที่สุดคือ การะบวนการสรรหาและคัดเลือกคนเข้าสู่องค์กร สิ่งที่ปฏิบัติอยู่ในปัจุบัน อาจจะไม่สอดคล้องกับระบบการทำงานในยุคใหม่ จึงอยากให้มีการทบทวนเสียใหม่ ยกตัวอย่างเช่น การเดินทางเข้ามาเพื่อจะกรอกใบสมัคร เข้าสู่กระบวนการสัมภาษณ์งานในเบื้องต้น
จากประสบการณ์ของผู้เขียนที่เคยปฏิบัติงานด้าน HR ใคร่ขอฝากแนวคิดในการปฏิบัติงาน ซึ่งโดยส่วนใหญ่ผู้บริหารงานด้าน HR จะไปโฟกัสที่ผู้ดำรงตำแหน่งที่สูงๆ เป็นหลัก เช่น ผู้บริหารองค์กร ผู้ถือหุ้นของบริษัท ที่ต้องให้ความสำคัญ และถือว่าเป็นลูกค้าที่มาอันดับต้นๆ แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าเราในฐานะ HR จัดลำดับความสำคัญเร่งด่วนไม่ถูกต้อง ก็จะส่งผลถึงตำแหน่งได้เช่นกัน ในมุมมองของผู้เขียน มีแนวคิดว่าลูกค้าที่หน่วยงาน HR
ในยุคเปลี่ยนผ่านเข้ามาสู่ยุคดิจิทัล สิ่งที่เคยทำแล้วประสบความสำเร็จในสมัยอดีตอาจจะนำมาใช้ในสมัยปัจจุบันไม่ได้อีกแล้ว เพราะสถานการณ์มันเปลี่ยนแปลงไป เวลาก็มีส่วนสำคัญ ที่จะทำให้พบแนวทางใหม่ๆ ส่งผลต่อวิธีการ วิธีคิด ที่จะนำไปสู่การปฏิบัติงานที่จะให้ประสบความสำเร็จด้วยเช่นกัน การที่คนรุ่นใหม่ทำงานอะไร หลายอย่างๆ ในเวลาเดียวกันได้ แต่หัวหน้า ผู้จัดการมองว่า เป็นการกระทำที่ไม่ควร เพราะจะทำให้เกิดความเสียหายมาถึงคุณภาพของงานที่ทำอยู่ ณ ขณะนั้น แต่อย่าลืมไปว่าความเชี่ยวชาญ ความชำนาญ ของคนแต่ละยุคไม่เหมือนกัน
ด้วยความเปลี่ยนแปลงที่เข้ามาอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และเทคโนโลยี จึงทำให้ต้องการบุคคลากรที่มีความเชี่ยวชาญหลายๆด้าน เข้ามาร่วมงานกับองค์กร โดยภาพรวม กลางๆ ที่ผู้เขียนจะขอยกตัวอย่างมาเป็นข้อสรุป เพราะว่า สไตล์ในการทำงานของผู้บริหารองค์กรแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน บางคนชอบลูกน้องที่เข้าใจ และรู้สไตล์การทำงานของตนเอง จึงจะเห็นหลายๆ บริษัท พอมีการแต่งตั้งโยกย้าย ตำแหน่งกันแต่ละครั้ง มักจะมีการเปลี่ยนผู้บริหารที่เป็น
ความหลากหลายของช่องทาง ทำให้บริษัทได้มีแหล่งของผู้สมัคร ที่มีความสอดคล้องกับองค์กรมากขึ้น บริษัทต่างๆจำเป็นต้องตรวจสอบจากแหล่งที่จะไปรับสมัครก่อนด้วยว่า มีคุณสมบัติตรงกับตำแหน่งที่บริษัทของเราต้องการด้วยหรือไม่ จากแหล่งข้อมูลที่เป็นทหารเกณฑ์ที่ใกล้ปลดประจำการ ส่วนใหญ่จะเป็นเพศชาย มีร่างกายที่แข็งแรง จะมีภูมิลำเนาจากต่างจังหวัด เมื่อตรวจสอบคุณสมบัติเบื้องต้นแล้ว จะเห็นได้ว่า นอกจากจะต้องดูตำแหน่งงานแล้ว ควรจะต้องพิจารณาถึงประเภทธุรกิจของบริษัทประกอบด้วย ถ้าพิจารณาให้ดีแล้ว สามารถตัดคู่แข่งที่เป็นประเภทธุรกิจ การบริการ การต้อนรับ